เรามารีวิว 10 สิ่งมหัศจรรย์ในใจ Admin กันนะคะ เป็นความชอบส่วนบุคคลแต่ไม่สงวนสิทธิถ้าจะมีใครชอบด้วยนะ
อันดับแรกมาเลย พระราชวังต้องห้าม Forbidden City เป็นพระราชวังโบราณกลางกรุงปักกิ่ง ใช้เป็นที่ประทับของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงตลอดมา ปัจจุบันพระราชวังต้องห้ามเป็นพิพิธภัณฑ์พระราชวังหลวง ที่เก็บรักษาศิลปะวัตถุและโบราณวัตถุอันเป็นสมบัติล้ำค่าทางวัฒนธรรมของจีน เรื่องความใหญ๋โตอลังการ ไม่ต้องพูดถึง
อันดับสอง มาคู่กัน กำแพงเมืองจีน Great Wall of China หรือกำแพงหมื่นลี้ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าจิ๋นซีห้องเต้ ก่อสร้างด้วยดิน โคลน อิฐ ไม้ หินและทราย ส่วนฐานกำแพงเป็นหิน ชาวจีนต้องสังเวยชีวิตไประหว่างการก่อสร้างนับจำนวนไม่ถ้วน ที่น่าอัศจรรย์นอกจากจะมีประวัติศาสาตร์อันยาวนานแล้ว ถ้าคุณมองจากพระจันทร์มายังโลก กำแพงเมืองจีนนี้จะเป็นสิ่งเดียวที่มองเห็นเสมือนมังกรกำลังขดตัวไปมา แต่ถ้าคุณไปเที่ยวที่นี่ มันจะมีเสน่ห์ทำให้คุณอยากเดิน (ปีน) จากประตูหนึ่งไปยังอีกประตูหนึ่งโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย (ทั้งๆ ที่มันประตูแลดูเหมือนกัน) แต่แตกต่างกันตรงวิวทิวทัศน์ที่แต่ละคนจินตนาการ
อันดับสาม ตามมาติดๆ มหาพีระมิดกีซ่า The Great Pyramid of Egypt หรือมหาพีระมิดกีเซ ประเทศอียิปต์ ความยิ่งใหญ่อลังการอยู่ที่ว่าเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นด้วยก้อนหินใหญ่ขนาดมหึมาและมีน้ำหนักมาก ประมาณว่าน้ำหนักของก้อนหินที่นำมาก่อสร้างเฉพาะมหาพีระมิดมีน้ำหนักถึง 7 ล้านตัน มันเป็นความสามารถที่่น่าทึ่งของมนุษย์สมัยนั้น ที่ใช้เพียงแรงงานของกองทัพ คนงานรับจ้าง และแรงงานทาส ในสมัยนั้นมนุษย์ยังไม่มีและยังไม่รู้จักใช้เครื่องผ่อนแรงใดๆ เลย สันนิษฐาน ว่าผู้สร้างพีระมิดนี้อาศัยดวงดาวเป็นหลัก นอกจากความใหญ่โตอันน่ามหัศจรรย์แล้ว การก่อสร้างยังเป็นสิ่งน่ามหัศจรรย์ยิ่งกว่า เพราะก้อนหินเหล่านี้สกัดมาจากภูเขาที่อยู่ไกล แล้วลากมาสู่ริมฝั่งแม่น้ำไนล์ ล่องมาตามน้ำระยะทางนับร้อยไมล์ ฟังแล้วเหนื่อยแทน มหาพีระมิดกีซ่าได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณอีกด้วยนะ
อันดับสี่ ไม่ใกล้ไม่ไกล ปราสาทหินนครวัด Angor Wat แห่งกัมพูชา เป็นโบราณสถานที่สำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียอาคเนย์ และได้ชื่อว่าเป็นศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดในโลก เดิมเป็นเทวสถานของศาสนาฮินดู ต่อมาเป็นวัดของพระพุทธศาสนา ปราสาทหินนครวัดเป็นสิ่งก่อสร้างด้วยฝีมือมนุษย์ มีความสวยงามวิจิตรด้วยศิลปะแบบตะวันออก และทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และประติมากรรม ปัจจุบันองค์การยูเนสโกของสหประชาชาติประกาศให้พื้นที่ในบริเวณ พระนคร (Ankor) ซึ่งมีปราสาทหินนครวัดเป็นหนึ่งในกลุ่มโบราณสถานที่ได้รับการอนุรักษ์เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อปี ค.ศ.1992
อันดับห้า ตรงกลางพอดี อยู่ในใจ Admin มาโดยตลอดๆ ไม่พ้นที่นี่เลย อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา Historic City of Ayutthaya บริเวณที่เรียกว่าอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา ประกอบด้วยพระราชวัง พระที่นั่งต่างๆ กับป้อมปราการรอบกรุง พระที่นั่งในอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยามีหลายองค์คือ พระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์มหาปราสาท พระที่นั่งวิหารสมเด็จมหาปราสาท พระที่นั่งจักรวรรดิไพชยนต์ และพระที่นั่งบรรยงค์รัตนาสน์มหาปราสาท นอกจากนี้ยังมีพระอารามหลวงที่เป็นวัดสำคัญ คือ วัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นพระอารามหลวงในสมัยกรุงศรีอยุธยา ใครผ่านไปแถวอยุธยา ห้ามพลาดทีเดียวเชียว
อันดับหก เปตรา Petra นครเปตรา เมืองวาดี มูซา ประเทศจอร์แดน เป็นนครสีชมพู มีอายุกว่า 2,000 ปี เมืองลึกลับที่ซ่อนอยู่ในภูผากลางทะเลทราย เป็นสถาปัตยกรรมที่สกัดหน้าผาหินเป็นวิหาร อนุสาวรย์ และหลุมฝังศพ เจาะลึกเข้าไปในหน้าผาหินสีแดง โบราณสถานในเปตรามีลักษณะทางศิลปและสถาปัตกรรมยุคคลาสสิกที่ได้รับอิทธิพลมาจากอียิปต์และอัสซีเรีย องค์การยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียนนครเปตราของจอร์แดนเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมเมื่อปี 1985 และปี ค.ศ. 2007 ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่อีกด้วย ถ้าใครจะไปเที่ยวเปตราเตรียมพร้อมร่างกายสำหรับการสู้อากาศร้อนด้วยนะคะ
อันดับเจ็ด ทัชมาฮาล Taj Mahal เมืองคัคระ รัฐอุตรประเทศ อินเดีย แทบไม่มีใครไม่รู้จัก ทัชมาฮาลอนุสาวรีย์หินอ่อนสีขาวไม่ได้อยู่ที่การเป็นสิ่งก่อสร้าง ที่ได้รับการยกย่องว่างดงามที่สุดในโลกอย่างเดียวเท่านั้น แต่ทัชมาฮาล อนุสาวรีย์แห่งความรักนี้ยิ่งใหญ่จับใจผู้คน ด้วยตำนานรักบันลือโลกของพระเจ้าชาห์ จาฮาน (Shah Jahan) กษัตริย์แห่งราชวงศ์โมกุล เป็นผู้สร้างขึ้นมาด้วยความรักที่มีต่อพระนางมุมตัส มาฮาล (Mumtaz Mahal) พระมเหสี ซึ่งความตายก็มิอาจพรากความรักที่พระองค์มีต่อนางไปได้ (ซึ้งจริง)
อันดับแปด โคลอสเซียม Colosseum โคลอสเซียมเป็นสนามกีฬากลางแจ้งรูปครึ่งวงกลม สถาปัตยกรรมโรมันสร้างเลียนแบบสนามกีฬาของกรีก การก่อสร้างใช้เวลานานถึง 10 ปี โดยใช้แรงงานนักโทษชาวยิวกว่า 12,000 คน ความยิ่งใหญ่ไม่ได้อยู่ที่การเป็นสนามกีฬาขนาดใหญ่ที่สามารถจุคนได้เกือบ 8 หมื่นคนเท่านั้น แต่เป็นสถาปัตยกรรมที่วิจิตรพิสดารสำหรับสมัยนั้น ไม่ว่าจะเป็นอัฒจันทร์ที่สร้างด้วยรูปวงรี การออกแบบทางเช้าออกขึ้นลงชั้นที่นั่งชมการต่อสู้ ที่สามารถควบคุมฝูงชนจำนวนมากในสนามได้อย่างมีระบบและมรประสิทธิภาพอีกด้วย ถ้าผ่านโคลอสเซียมตอนกลางคืน ท่านจะได้สัมผัสถึงความรู้สึกกำลังมองฟักทองวันฮาโลวีนอีกด้วยคะ อิอิ
อันดับเก้า หอไอเฟล Eiffel Tower กรุงปารีส ฝรั่งเศส สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของงานยูนิเวอร์แซล เอ็กซิบิชั่น (Universal Exhibition 1889 หรือ World Fair 1889) งานนี้เป็นงานแสดงศิลปหัตกรรม และวิทยาการสมัยใหม่ในทางเกษตรกรรมของโลก หลังจากงานแสดงสินค้าครั้งนั้น หอไอเฟลได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของปารีสตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา การสร้างหอไอเฟลไม่ใช่ง่ายๆ นะคะ เพราะเมื่อชาวปารีสรู้ว่าจะมีการสร้างหอสูงกลางกรุงปารีสก็พากันต่อต้านว่าหอสูงจะทำลายทัศนีย์ภาพของปารีส ทั้งยังโจมตีว่าเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจที่จะทำให้ภาพลักษณ์อันสวยงามของปารีสเสียไป บ้างก็ว่าหอไอเฟลจะโค่นล้มลงมาเสียก่อนที่จะสร้างเสร็จ แต่ไม่มีอะไรจะหยุดยั้งความฝันของกุสตาฟ ไอเฟล (Alexandre Gustave Eiffle) วิศวกรเชื้อชาติเยอรมันผู้สร้างหอไอเฟลได้ เขาโต้ตอบกลับอย่างรุนแรงว่านี่คือสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดที่มนุษย์เคยสร้างมาและยืนยันที่จะสร้างต่อ โดยทุ่มเงินของเขาเองถึง 80% ในที่สุดเสียงต่อต้านก็ค่อยๆ หายไป หอไอเฟลก็ตั้งเด่นเป็นสง่าราศีให้ชาวปารีสริมแม่น้ำแชนน์ ในบริเวณที่เรียกว่า ชองป์ เดอ มาร์ส (Champs de Mars) เล่ามาซะยาว ความจริงชื่นชมในความมุ่งมั่นของกุสตาฟ ไอเฟล นั่นแหละ
สุดท้ายแล้วค่า พูดถึงหอ หอนี้ก็มา หอเอนเมืองปิซา Leaning Tower of Pisa เมืองปิซา แคว้นทัสคานี อิตาลี เป็นหอระฆัง (campanile) ของมหาวิหารแห่งปิซา สร้างด้วยหินอ่อนสีขาวทั้งหลัง ใช้เวลาก่อสร้างนานเกือบ 2 ศตวรรษ นับว่านานที่สุดในโลก หอเอนเมืองปิซาเป็นส่วนหนึ่งของบริเวณที่เรียกว่า Campo dei Mirocoli (Field of Miracles) อันประกอบด้วยวิหาร หอระฆัง และ หอรับศีล วิหารแห่งเมืองปิซาสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะของชาวปิซาต่อพวกซาราเซน สันนิฐานว่าสาเหตุของการที่หอเอียงเกิดขึ้นเพราะพื้นดินที่ฐานใต้หอไม่แน่นพอที่จะรับน้ำหนักแต่การก่อสร้างยังคงดำเนินต่อไปจนเสร็จสมบูรณ์ ขณะที่หอยังคงเอนมาเรื่อยๆ ในอัตรา 1 มม.ต่อปี ลักษณะประหลาดนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์และผู้มีชื่อเสียงพากันมาเยือน ความพยายามที่จะมิให้หอระฆังเอียงไปมากกว่าเดิมได้กระทำกันอย่างต่อเนื่องสุดท้ายได้วิธีการขุดดินใต้ฐานหอด้านตรงข้ามออกมาทีละน้อยๆ หอเอนเมืองปิซาได้รับการยกย่องให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วยคะ
ที่ไม่พูดถึงสิ่งมหัศจรรย์ที่เป็นธรรมชาติเพราะว่า Admin ชอบแบบนี้ เอาไว้คราวหน้าจะมารีวิว สถานที่ธรรมชาติละกันนะคะ เผื่อบางคนจะชอบมากกว่าสิ่งที่ถูกสร้างโดยฝีมือมนุษย์